“เรฟ อีดิชั่น” ผู้บริหารและการตลาดรองเท้ากีฬาแบรนด์ “ซอคคือนี่” (Saucony) ฉลองครบรอบ 125 ปีพร้อมกันทั่วโลกและในประเทศไทย ส่งแคมเปญ “Take Courage” ส่งพลังถึงผู้บริโภคสายรักสุขภาพทุกเจเนอร์เรชันให้ลุกขึ้นมาทำสิ่งที่ท้าทายและก้าวข้ามขีดจำกัดของตัวเอง เดินหน้าลุยกลยุทธ์การตลาดและสื่อสารแบรนด์ทุกช่องทาง ทุ่มงบเปิดร้านสาขา 2 ที่สยามเซ็นเตอร์ และ ครั้งแรกกับ POP Up Space ที่สยามดิสคัพเวอรี่ เพื่อส่งมอบประสบการณ์การวิ่งที่ดีที่สุด เตรียมเปิดตัวรองเท้าวิ่งรุ่นใหม่ Endorphin Elite และ Kinvara 14 ในปีนี้
พรศักดิ์ ชินวงศ์วัฒนา กรรมการผู้จัดการ บริษัท เรฟ อีดิชั่น จำกัด ตัวแทนจำหน่ายแบรนด์รองเท้าซอคคือนี่ (Saucony) เปิดเผยถึงกลยุทธ์การตลาดของแบรนด์ในปี 2566 และ ภาพรวมตลาดรองเท้ากีฬาในประเทศไทยว่า ในภาพรวมตลาดรองเท้ากีฬาปี 2566 นับเป็นปีที่การแข่งขันสูง และเต็มไปด้วยสินค้าที่น่าสนใจมากมาย เนื่องจากการกลับเข้าสู่สถานการณ์ปกติที่ผู้คนสามารถออกมาทำกิจกรรมได้อย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะการชอปปิ้ง ท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศ ออกกำลังกาย หรือการไปร่วมการแข่งขันต่างๆ ดังนั้นการโฟกัสที่กลยุทธ์ออนไลน์อย่างเดียว อาจไม่ตอบโจทย์อีกต่อไป
โดยทิศทางการตลาดและสร้างแบรนด์ “ซอคคือนี่” ในปีนี้จะมุ่งเน้นการสื่อสารแบรนด์ที่เดินไปพร้อมกับการก้าวเข้าสู่ปีที่ 125 ของแบรนด์ “ซอคคือนี่” อย่างเป็นทางการ ซึ่งจะมาพร้อมสโลแกนและแคมเปญที่ชื่อ “Take Courage” โดยจะเป็นคีย์เวิร์ดสำคัญในทุกการสื่อสารในปีนี้ ทั้งการเปิดตัวสินค้า เนื้อหาและเรื่องราวต่างๆ ที่พร้อมผลักดันให้ทุกคนมีความกล้าที่จะก้าวข้ามขีดจำกัดที่มีอยู่ ไม่ว่าจะการทำสถิติที่ดีกว่าเดิม การก้าวผ่านเส้นชัย หรือแม้แต่การผูกเชือกรองเท้าเพื่อออกไปวิ่งครั้งแรก ไม่ว่าความสำเร็จจะเล็กหรือใหญ่ล้วนใช้ความกล้าที่จะลงมือทำ คำว่า “Take Courage” จะเป็นสโลแกนสำคัญในแง่การสื่อสาร และกิจกรรมทางการตลาดของ Saucony ตลอดปี 2566
“Take Courage” มุ่งเน้นการขยายโอกาสในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายหลักที่เป็นนักวิ่ง และกลุ่มเป้าหมายใหม่ เช่น คนรุ่นใหม่ที่เริ่มสนใจการออกกำลังกาย กลุ่มผู้ที่ชื่นชอบในสินค้าแฟชั่นไลฟ์สไตล์ รวมถึงนักท่องเที่ยว ผ่านการทำการตลาดและจุดขายที่เข้าถึงง่ายสำหรับทุกกลุ่มเป้าหมาย ด้วยการเปิดร้าน Saucony Official Store แห่งใหม่ที่สยามเซ็นเตอร์ ชั้น G โดยได้เปิดตัวไปเมื่อปลายปี 2565 และ Saucony Pop-up Space บริเวณ สยามดิสคัฟเวอรี่ ชั้น 1 นอกจากนี้ บริษัท เรฟ อีดิชั่น จำกัด ได้เริ่มขยายฐานการเติบโตไปยังประเทศเพื่อนบ้าน โดยทำการเปิดร้าน Saucony Flagship Store ณ ห้างสรรพสินค้า Pavilion KL กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย เมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2565 ที่ผ่านมา
แผนธุรกิจของซอคคือนี่ ตั้งเป้ายอดขาย 500 ล้านบาทภายในปี 2567 แบรนด์มีการเติบโตเฉลี่ยมากกว่า 247% ในระยะ 3 ปีที่ผ่านมา มีจำนวนจุดวางขายอยู่ 75 แห่ง ณ ปัจจุบัน และคาดว่าจะมีเพิ่มเป็น 81 จุดขายภายในปีนี้ทั่วประเทศ โดยที่เราจะเน้นการสร้าง branded space เป็นจุดขายในห้างชั้นนำ และปัจจุบันความภูมิใจคือเราได้เป็นตัวแทนสำหรับการขยายธุรกิจไปที่ประเทศมาเลเซีย โดยมีเป้าหมายคือการมีจุดขายที่ประเทศมาเลเซียมากกว่า 25 จุด โดยมีมูลค่ากว่า 100 ล้านบาทในปี 2566
ในส่วนของ Saucony Official Store สยามเซ็นเตอร์ มีการจัดโปรโมชั่นส่งเสริมการขายต่อเนื่องตลอดทั้งปี เช่นในเดือนกุมภาพันธ์ จัดกิจกรรม Run Into 2023 สินค้าลดสูงสุด 40% ช้อปครบ 6,000, 3,500, 1,500 บาท ลดเพิ่ม 1,200, 500, 300 บาท โดยเริ่มตั้งแต่ 12 ม.ค. ถึง 5 ก.พ. 2566 นอกจากนี้ยังมีโปรโมชั่น Energize Your Steps สินค้าลดสูงสุด 40% และเมื่อซื้อครบ 3,000 บาท รับสิทธิ์สมัครสมาชิกพร้อมรับส่วนลดทันที 10% (จากปกติที่ต้องซื้อครบ 5,000 บาท) เริ่ม 9 ก.พ. ถึง 2 มี.ค. 2566 เช่นกันกับช่วงเทศกาลวาเลนไทน์ ที่จะมีโปรโมชั่นพิเศษควบคู่กันไป ซึ่งสามารถติดตามเพิ่มเติมได้ที่เฟซบุ๊กแฟนเพจของ Saucony Thailand และร้าน Saucony Official Store สยามเซ็นเตอร์ ส่วนทางด้าน Saucony Pop-up Space สยามดิสคัฟเวอรี่ ได้เตรียมร่วมแคมเปญส่งเสริมการขายกับทางห้างอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปีเช่นกัน
นอกจากกลยุทธ์ดังกล่าวแล้ว แบรนด์รองเท้า “ซอคคือนี่” ยังให้ความสำคัญกับการตลาดและสร้างแบรนด์ในระยะยาว โดยเน้นการส่งมอบประสบการณ์การวิ่งที่ดีที่สุดผ่านผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุดให้กับกลุ่มเป้าหมาย และต้องการเป็นแบรนด์รองเท้าวิ่ง Top 5 ที่นักวิ่งเลือกใช้ และไม่ใช่เพียงรองเท้าวิ่ง แต่ยังรวมถึงการเติบโตของเสื้อผ้าสำหรับการออกกำลังกาย และรองเท้าแบบไลฟ์สไตล์ในนาม Saucony Originals
“แนวโน้มของกลุ่มเป้าหมายที่รักสุขภาพ และสนใจในการออกกำลังกายมากขึ้น โดยการวิ่งถือเป็นกิจกรรมที่เข้าถึงได้ง่ายที่สุด แค่คุณมีรองเท้าวิ่ง ซึ่งความท้าทายของ Saucony ก็คือการส่งมอบประสบการณ์การวิ่งที่ดีที่สุด ผ่านผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุด โดยในปีนี้รองเท้าวิ่งจะไม่ใช่แค่ Endorphin Pro 3, Endorphin Speed 3, Endorphin Shift 3 เท่านั้น แต่ Saucony ยังเตรียมเปิดตัวรองเท้าวิ่งรุ่นใหม่ที่น่าสนใจในซีซั่นนี้อย่าง Endorphin Elite และ Kinvara 14 โดยเฉพาะ Saucony Originals ในหมวดไลฟ์สไตล์ที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นและมีเรื่องราวที่ไม่แพ้ใคร โดยเฉพาะในปีนี้ที่มีสินค้าที่โดดเด่นมากมาย ไม่ว่าจะเป็น TOMBOGO™ X SAUCONY ‘Butterfly’, Saucony x Maybe Tomorrow, Trailian Pack ที่พร้อมนำเสนอให้ทั้งกลุ่มเป้าหมายที่ชื่นชอบในแบรนด์เราอยู่แล้ว รวมถึงกลุ่มสนีกเกอร์เฮดที่ชื่นชอบในรองเท้าไลฟ์สไตล์”
สินค้าสำหรับสายวิ่ง (Performance)
Endorphin Elite และ Endorphin Series
เร็วๆ นี้เตรียมพบกับ Endorphin Elite สุดยอดรองเท้าวิ่งทำความเร็วที่นักวิ่งรอคอย มาพร้อมพื้นซูเปอร์โฟมสูตรใหม่ PWRRUN HG (พาวเวอร์รัน เอชจี) และแผ่น Slotted Carbon Plate แบบใหม่ที่ไม่เคยใช้กับรุ่นใดมาก่อน และสำหรับ Endorphin Series รุ่นอื่นๆ Endorphin Pro 3, Endorphin Speed 3, Endorphin Shift 3 ที่คุ้นเคย ก็จะกลับมาด้วยสีใหม่ๆ โทนแดง ต้อนรับช่วงเทศกาลต่างๆ ในช่วงต้นปี
สินค้าสำหรับสายไลฟ์สไตล์ (Saucony Originals)
TOMBOGO™ X SAUCONY ‘Butterfly’
สิ้นสุดการรอคอย TOMBOGO™ X SAUCONY ‘Butterfly’ การผสมผสานความช่ำชองในการทำรองเท้าของ Saucony เข้ากับความคิดสร้างสรรค์ด้านฟังค์ชั่นการใช้งานในแบบ TOMBOGO™ แบรนด์สตรีทแวร์มาแรงภายใต้การออกแบบของ Tommy Bogo ออกมาเป็นรองเท้าแนวสตรีทที่แยกส่วนกันระหว่างชั้นรองเท้าด้านใน และชั้นนอกสไตล์ ‘clog’ ที่ใช้เทคโนโลยี PWRRUN ของ Saucony ในการรองรับแรงกระแทก ให้ความรู้สึกสบายในการสวมใส่ และความยืดหยุ่นในการใช้งาน TOMBOGO™ X SAUCONY ‘Butterfly’ ราคา 4,290 บาท
พร้อมวางจำหน่ายในประเทศไทย วันที่ 31 มกราคม 2566 สินค้ามีจำนวนจำกัด
SAUCONY X MAYBE TOMORROW ‘The Tortoise and The Hare’
Saucony และ Maybe Tomorrow แบรนด์สตรีทชื่อดังจาก LA ร่วมมือกันออกคอลเลคชั่น ‘The Tortoise and The Hare’ แรงบันดาลใจจากนิทานอีสปที่เรารู้จักกันในชื่อ ‘กระต่ายกับเต่า’ โดยถูกนำมาตีความใหม่ Better Together ว่าถ้าหากทั้งสองนักวิ่งในตำนานหันมาร่วมมือกันและแบ่งปันเส้นชัยด้วยกันและกัน นิทานเรื่องนี้ก็ไม่ต้องมีใครเป็นผู้แพ้อีกต่อไป คอนเซปป์ที่น่ารักแบบนี้ ถูกนำมาใส่ในโมเดลคลาสสิคของ Saucony Originals ทั้ง 2 รุ่น ได้แก่ 3D Grid Hurricane ‘The Tortoise’ (ราคา 5,590 บาท) และ Shadow 6000 ‘The Hare’ (ราคา 5,290 บาท) วางจำหน่ายแล้ววันนี้