การเตรียมตัวลงสู่สนามแข่งอันยาวนานของค่ายตรีศูล ทีม Maserati MSG Racing ยินดีต้อนรับ Maximilian Günther เข้าสู่รายชื่อนักแข่งและร่วมทีมกับ Edoardo Mortara สำหรับฤดูกาลที่ 9 ในรายการ ABB FIA World Championship
Edoardo และ Maximilian เตรียมผสานความมุ่งมั่นตั้งใจ เข้ากับประสบการณ์ของวัยหนุ่ม ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความกระหายในชัยชนะ พร้อมโชว์ศักยภาพสูงสุด ผ่านการขับขี่รถแข่ง Gen3 ที่จะนำเสนอสมรรถนะรถยนต์ไฟฟ้าด้วยมาตรฐานอีกระดับ
มาเซราติ เป็นแบรนด์รถยนต์สัญชาติอิตาเลียนแบรนด์แรกที่ได้เข้าร่วมการแข่งขัน Formula E championship และการกลับมาในฤดูกาลที่ 9 ถือว่าเป็นช่วงเวลาอันเหมาะสมที่ Edoardo และ Maximilian จะได้ขับขี่รถแข่ง Gen3 และแข่งขันกันด้วยความเร็ว ความเบา และขุมพลังอันไร้ขีดจำกัดของรถแข่งประเภทที่นั่งเดียว Formula E เพื่อแสดงให้เห็นถึงนวัตกรรมของการดีไซน์
การผลิต และเทคโนโลยีที่ออกแบบมาอย่างล้ำสมัย
ตั้งแต่ Edoardo เข้าสู่สนามแข่งขัน Formula E ในปี 2017 เขาได้รับรางวัลอันน่าภาคภูมิใจ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความเป็นสุดยอดนักแข่งประจำฤดูกาล ไม่ว่าเป็นรางวัลเกียรติยศระดับนานาชาติ ซึ่งช่วยต่อยอดความก้าวหน้าในอาชีพการงานจนมาถึงปัจจุบัน
สำหรับฤดูกาลที่ 7 นักแข่งลูกครึ่งชาวสวิส-อิตาเลียน สามารถคว้ารางวัลรองแชมป์โลกคนแรกของรายการแข่งขัน Formula E และต่อสู้อย่างหนักจนคว้าชัยชนะอันดับที่ 3 ของฤดูกาลที่ 8 และชัยชนะจากการแข่งขันทั้งหมด 4 รายการ Edoardo สามารถคว้าชัยชนะทั้งหมด 6 รายการกับ 13 โพเดียม และยังพยายามต่อไปที่จะบรรลุเป้าหมายและชิงชัยไปพร้อมๆ กับทีม Maserati MSG Racing ในฤดูกาลที่ 9 ซึ่งถือว่าเป็นการร่วมมือครั้งที่ 6 ที่เคยมีมากับทีมโมนาโกในปัจจุบัน
ด้าน Maximilian เขาคือหนึ่งในผู้ชนะรายการแข่งขัน Formula E ที่อายุน้อยที่สุด เขาได้แสดงให้เห็นถึงศักยภาพและ ความสามารถที่จะเติบโตอย่างต่อเนื่องในตลอด 4 ฤดูกาลที่ผ่านมา
ในฤดูกาลที่ 5 นักแข่งชาวเยอรมันคนดังกล่าว ได้เข้าร่วมรายการรถแข่งที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า 100% และตามมาด้วยผลงานการแข่งขันอันยอดเยี่ยมในประเภท Formula One feeder, การแข่งขันในรายการ Formula 2 และชัยชนะในการออกตัวของรายการ E-Prix ครั้งที่ 13
Maximilian คว้าชัยชนะถึง 3 ครั้ง ในวัยเพียง 25 ปีเท่านั้น อีกทั้งยังฉายแววรุ่งในรายการ Formula E และเป็นหนึ่งในผู้ทรงอิทธิพลที่สุดแห่งวงการมอเตอร์สปอร์ต โดยในฤดูกาลที่ 9 นี้ Maximilian จึงตัดสินใจว่าจะร่วมงานกับ Edoardo อย่างเต็มที่เพื่อฟอร์มทีมให้มีคุณภาพและสามารถคว้าชัยชนะในครั้งนี้
Edoardo Mortara นักแข่งทีม Maserati MSG Racing กล่าวว่า
“ตั้งแต่เข้าร่วมฤดูกาลที่ 4 จนถึงฤดูกาลที่ 9 ทีมเปรียบเสมือนบ้านของผม และผมรู้สึกมีความสุขที่จะร่วมเดินทางต่อไปกับคนที่ขยันและมีความสามารถ จาก 5 ฤดูกาลที่ผ่านมาถือว่าเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดสำหรับหน้าที่การงานของผม เพราะได้คว้าชัยชนะ 6 รายการ, 13 โพเดียม และดำรงตำแหน่งรองแชมป์โลก ผมยังพยายามต่อไปที่จะประสบความสำเร็จในการแข่งขันโดยขับขี่รถแข่ง Gen3 ซึ่งในฐานะนักแข่งลูกครึ่งชาวสวิส-อิตาเลียน ที่พ่วงตำแหน่งรองแชมป์โลก การได้เป็นตัวแทนของแบรนด์
มาเซราติ ในการกลับเข้าสู่วงการมอเตอร์สปอร์ตระดับสากลถือว่าเป็นเกียรติอย่างยิ่ง ผมรอคอยที่จะได้ร่วมงานกับ Maximilian นักแข่งที่มีความมุ่งมั่นจากรายการแข่งขัน Formula E นอกจากนี้การที่ได้ร่วมงานกับทีมงานที่มีคุณภาพและศักยภาพถือว่าเป็นเรื่องที่ดีมากๆ และผมตั้งใจว่าจะยกระดับทีมให้มีความแข็งแกร่งไปพร้อมๆ กับการแข่งขันที่สามารถคว้าชัยชนะมาให้ได้”
Maximilian Günther นักแข่งทีม Maserati MSG Racing กล่าวว่า
“ผมรู้สึกภูมิใจมากที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว Maserati MSG Racing และร่วมทีมกับนักแข่ง Edoardo ในฤดูกาล 9 ที่กำลังจะมาถึง ผมดีใจกับความสำเร็จของทีมในฤดูกาลที่ผ่านมา ถึงแม้การแข่งขันจะมีความยากลำบากแต่ทีมก็ยังสามารถฝ่าฟันและเอาชนะอุปสรรคมาได้ สมกับการได้ครองตำแหน่งรองแชมป์โลกอย่างแท้จริง การที่ผมได้เป็นส่วนหนึ่งของแบรนด์
มาเซราติ ในการกลับเข้าสู่การแข่งขันและเป็นพาร์ทเนอร์กับทีม MSG Racing จึงถือว่าเป็นเกียรติอย่างยิ่ง และผมพร้อมมุ่งมั่นที่จะสร้างความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ร่วมกันกับทีม ผมได้พบกับ Edoardo ครั้งแรกในปี 2016 เมื่อพูดถึงเรื่องสนามแข่งขันเรามีค่านิยมคล้ายๆ กัน มีความละเอียดรอบคอบ มีความมุ่งมั่นที่จะประสบความสำเร็จ มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันทั้งในและนอกสนาม และเคารพซึ่งกันและกัน ผมเชื่อว่าเราทั้งคู่จะสามารถสร้างทีมอันน่าเกรงขามและทำงานอย่างหนักเพื่อดึงเอาศักยภาพที่ดีที่สุดออกมา ผมแทบรอไม่ไหวที่จะเริ่มการเดินทางอันน่าตื่นเต้นนี้ไปพร้อมๆ กัน”
Giovanni Tommaso Sgro หัวหน้า Maserati Corse กล่าวว่า
“นับเป็นการเปิดตำนานบทใหม่อันน่าตื่นเต้นและการกลับเข้าสู่สนามแข่งขัน Formula E ของ มาเซราติ โดยเรายินดีต้อนรับ Maximilian และ Edoardo เข้าสู่ครอบครัวตรีศูลในฤดูกาลที่ 9 เราภาคภูมิใจในการกลับสู่เส้นทางการแข่งขัน พร้อมขับเคลื่อนพลังความมุ่งมั่นและนวัตกรรมที่แท้จริงของเรา ในการแข่งขันที่จะต้องนำสมรรถนะสูงสุดออกมาใช้ เราตั้งใจพา มาเซราติ ก้าวไปข้างหน้าและเปิดตัวบนท้องถนนตามเมืองต่างๆ ที่เป็นไอคอนิกของโลก สำหรับรายการ Formula E ไม่ได้เป็นเพียงการแข่งขันแต่เป็นแพลตฟอร์มที่นำเอาเทคโนโลยีสมัยใหม่มายกระดับเพื่อพัฒนาระบบส่งกำลังไฟฟ้าให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น พัฒนาระบบซอฟต์แวร์อัจฉริยะสำหรับรถยนต์ที่มีสมรรถนะสูงเพื่อใช้งานบนท้องถนน และ มาเซราติ ยังเป็นแบรนด์อิตาลีรายแรกที่ได้เข้าร่วมการแข่งขัน Formula E ดังนั้นเราจึงวางแผนที่จะใช้กลยุทธ์ Folgore ในการจัดการกับการขับเคลื่อนยนตกรรมที่ใช้ระบบกำลังไฟฟ้าแบบเต็มรูปแบบ”
James Rossiter หัวหน้าทีม Maserati MSG Racing กล่าวว่า
“ฤดูกาลที่ 9 จะเป็นการก้าวเข้าสู่ยุคใหม่อันน่าตื่นเต้น ของรายการแข่งขัน Formula E เรายินดีที่จะได้สานต่อการทำงานร่วมกับ Edoardo พร้อมกับต้อนรับ Maximilian เข้าสู่ทีม ทั้งนี้ Edoardo เอง คือหนึ่งในคนสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนแบรนด์ตั้งแต่ปี 2017 หรือก่อนฤดูกาลที่ 6 และเป็นนักแข่งที่ดีที่สุด บนกริดอย่างไม่ต้องสงสัย เราจึงรู้สึกตื่นเต้นที่จะได้เห็นนักแข่งทั้ง 2 ท่าน
มีศักยภาพและความแข็งแกร่งร่วมมือกันในการขับรถแข่ง Gen3 ทางทีมจึงมุ่งมั่นที่จะต่อสู้เพื่อรักษาตำแหน่งแถวหน้าและรอคอยช่วงเวลาอันน่าตื่นเต้นที่กำลังมาถึง”
นอกจากนี้ รถแข่งพลังงานไฟฟ้าเต็มรูปแบบคันแรกในประวัติศาสตร์จาก มาเซราติ รุ่น Tipo Folgore Gen3 จะถูกเผยโฉมบนสนามแข่งขันในฤดูกาลที่ 9 ของรายการ ABB FIA Formula E World Championship ด้วยเช่นกัน
รถแข่ง Tipo Folgore Gen3 สามารถถ่ายทอดสัญลักษณ์ที่แท้จริงของค่ายตรีศูลได้อย่างชัดเจน และสะท้อนให้เห็นพลังงานใหม่ๆ ที่นำมาใช้ในการดีไซน์สำหรับยุครถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งตรงกับความมุ่งมั่นของ มาเซราติ ที่ต้องการผลักดันกลุ่มรถยนต์ไฟฟ้าประเภท Folgore ให้ก้าวไปข้างหน้า
รถแข่ง Tipo Folgore ถูกตกแต่งภายนอกให้มีความร่วมสมัยและมีรูปลักษณ์ที่ปราดเปรียวมากขึ้น จมูกหน้ารถแสดงโลโก้ตรีศูลอันทรงพลัง และแผงกั้นด้านข้างเผยโลโก้ มาเซราติ Corse 3 สี ที่บ่งบอกความเป็นเอกลักษณ์ของธงชาติประเทศอิตาลี
รถแข่ง Gen3 จะเป็นรถที่เร็วและมีสมรรถนะสูงที่สุดในรายการ Formula E โดยระบบส่งกำลังด้านหน้าและด้านหลังที่ให้พลังงานหมุนเวียนสูงสุดถึง 600 กิโลวัตต์ ประสิทธิภาพในการใช้พลังงานมากถึง 95% จึงทำให้สามารถผลิตพลังงานกลับมาใช้ได้ในระหว่างการแข่งขันจากการเบรกเพียงอย่างเดียวมากกว่า 40% นอกจากนี้ มาเซราติ ยังมีความเชี่ยวชาญทางด้านสนามแข่ง สุดยอดเทคโนโลยีและซอฟต์แวร์ที่นำมาใช้ในรายการ Formula E จึงเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนให้การแข่งขันครั้งนี้ประสบความสำเร็จ และระบบดังกล่าวจะถูกนำไปพัฒนาใช้กับรถยนต์บนท้องถนนระดับไฮเอนด์ พร้อมกับการเปิดตัวอย่างเป็นทางการของรถยนต์ไฟฟ้าในประเภท Folgore
รถแข่ง Tipo Folgore จะถูกส่งไปทดสอบสมรรถนะและความแข็งแกร่ง ณ เมืองวาเลนเซีย ประเทศสเปน ก่อนลงสนาม Autodromo Hermanos Rodriguez ในเมืองเม็กซิโก ในวันที่ 14 มกราคม 2023 เพื่อเริ่มเปิดปฏิทินการแข่งขัน 19 รายการและพร้อมเปิดฤดูกาลเข้ายุคแห่งการแข่งขันรถยนต์ไฟฟ้า
เกี่ยวกับทีม Maserati MSG Racing
Maserati MSG Racing เป็นหนึ่งในทีมผู้ก่อตั้งการแข่งขัน FIA Formula E World Championship และในเดือนธันวาคม 2013 ได้กลายเป็นผู้ผลิตรถยนต์รายแรกที่เข้าร่วมมอเตอร์สปอร์ตในหมวดยานยนต์ไฟฟ้าแบบเต็มรูปแบบ ด้วยการเป็นหนึ่งในผู้เข้าร่วมเพียงไม่กี่ทีมนับตั้งแต่เปิดฤดูกาลในปี 2014 และ 2015 ในปี 2021 ทีม MSG Racing สร้างจุดแข็งของตัวเองอย่างต่อเนื่องจนประสบความสำเร็จที่สุดในปี 2022 เนื่องจาก Edoardo Mortara สามารถคว้าตำแหน่งรองอันดับแชมป์โลกก่อนจบฤดูกาล และได้ฉายาทีมรองอันดับแชมป์โลกมาครองในที่สุด
ทีม Monegasque marque นำโดยประธานและหุ้นส่วนผู้จัดการ Scott Swid และ หัวหน้าทีม James Rossiter เป็นทีมที่มีความหลากหลายทางเพศมากที่สุดในการแข่งขันรายการ Formula E และอยู่แถวหน้าในวงการความยั่งยืน, วงการเปลี่ยนข้อมูลธุรกิจผ่านระบบคอมพิวเตอร์ (EDI) และวงการจัดการความเป็นเลิศทางนวัตกรรมและเทคโนโลยี สำหรับข้อมูลสามารถดูเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ สื่อและเนื้อหาที่ถูกลิขสิทธิ์สามารถลงทะเบียนได้ที่นี่
เกี่ยวกับ มาเซราติ เอส.พี.เอ.
มาเซราติ คือ ผู้ผลิตรถยนต์ที่มีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว โดดเด่นด้วยสไตล์, เทคโนโลยีล้ำสมัย และตัวตนที่ไม่ซ้ำใคร สะท้อนความเฉลียวฉลาด รสนิยมอันลุ่มลึก สะท้อนมาตรฐานแห่งการเป็นยนตรกรรมระดับโลก และด้วยความสำเร็จของผลิตภัณฑ์ในแต่ละเซกเมนต์ มาเซราติ ได้กำหนดนิยามใหม่ ให้กับรถสปอร์ตของอิตาลี ในแง่ของการออกแบบ, ประสิทธิภาพ, ความสะดวกสบาย, ความสง่างาม และความปลอดภัย ปัจจุบันมีจำหน่ายในกว่า 70 ประเทศทั่วโลก มาเซราติ ควอตโตรปอร์เต้ (Quattroporte) นับเป็นยนตรกรรมเรือธงของค่ายตรีศูล สมทบด้วยรุ่นกิบลี่ (Ghibli), เลอวานเต้ (Levante) เอสยูวีรุ่นแรกในประวัติศาสตร์ของแบรนด์ และ เกรคาเล่ (Grecale) ซึ่งเป็นเอสยูวีที่มาพร้อมแนวคิด ‘Everyday Exceptional’ ทุกรุ่นต่างโดดเด่นด้วยการใช้วัสดุที่มีคุณภาพชั้นสูง และการออกแบบทางเทคนิคอันยอดเยี่ยม มาเซราติ กิบลี่, เลอวานเต้ และเกรคาเล่ มีหลายทางเลือกขุมพลัง อาทิ เบนซินไฮบริด 4 สูบ, เบนซิน วี 6 สูบ ไปจนถึงเบนซิน วี 8 สูบ ทั้งในแบบขับเคลื่อนล้อหลังหรือขับเคลิ่อน 4 ล้อ โดยมาพร้อมดีเอ็นเออันเป็นเอกลักษณ์ของยนตรกรรมค่ายตรีศูล ขณะที่รุ่นสูงสุด คือ ซูเปอร์สปอร์ตคาร์ เอ็มซี 20 (MC20) และ เอ็มซี20 แชร์โล (Cielo) ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ เน็ททูโน (Nettuno) ที่ได้นำเทคโนโลยีจากรถแข่งฟอร์มูลาวัน มาใช้กับยนตรกรรมในสายการผลิตเป็นครั้งแรก มาเซราติ กรันทูริสโม โฉมใหม่ มีจำหน่ายทั้งรูปแบบเครื่องยนต์เบนซินสมรรถนะสูง และแบบไฟฟ้าล้วน เพื่อพัฒนายนตรกรรมค่ายตรีศูลไปสู่อนาคต โดยมี มาเซราติ โฟลกอเร เป็นรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นแรกในประวัติศาสตร์ พร้อมตั้งเป้าในปี 2025 รถยนต์ มาเซราติ ทุกสายพันธุ์จะมีรุ่นที่ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าเป็นทางเลือก และ มาเซราติ ทุกรุ่น จะกลายเป็นรถยนต์ไฟฟ้าทั้งหมดภายในปี 2030