Masket Communications Masket Communications

เปิดตัว Masket Communications Essential Goods เดินหน้าสร้างแบรนด์ให้ธุรกิจอย่างตรงเป้า ด้วยการตลาดดิจิทัลบาลานซ์ในปี 2023

มาสเก็ต คอมมูนิเคชั่นส์ เดินหน้าปฏิวัติวงการ InnoCreative Agency ชูจุดยืนและความเชื่อของบริษัทภายใต้คอนเซปต์ MOVE US FORWARD ด้วยเป้าหมายพาธุรกิจไทยก้าวไปอีกขั้น ผ่านการสร้างความแตกต่างด้วยการใช้เทคโนโลยีที่ตอบโจทย์การสื่อสารและการขาย ผนวกกับไอเดียสร้างสรรค์ที่ตรงใจผู้บริโภค 

Masket Communications

นางสาวลิษา เลาหกรวัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มาสเก็ต คอมมูนิเคชั่นส์ จำกัด                   เปิดเผยว่า “ยุคสมัยที่เปลี่ยนไป ทำให้พฤติกรรมของผู้บริโภคมีการเปลี่ยนแปลงตามไปด้วย ที่มาสเก็ต  คอมมูนิเคชั่นส์ เรามีความเชื่อว่าทุกครั้งที่เกิดคลื่นลูกใหม่ในโลก นับตั้งแต่ยุคเก่าจนมาสู่ยุค Web 3.0 ในปัจจุบัน มักเกิดขึ้นได้เมื่อมี 2 สิ่งมาบรรจบกัน คือ Technology และ Creativity โดยเห็นได้จากในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 เราได้ใช้ประโยชน์จากธุรกิจที่พัฒนาต่อเนื่องด้วยเทคโนโลยี เช่น แอปพลิเคชันปรึกษาแพทย์และจ่ายยาโดยเภสัชกรที่จัดส่งด้วยบริการเดลิเวอรี่, คอร์สเรียนออนไลน์และปรึกษาได้ 24 ชั่วโมง, การสั่งอาหารและซื้อของสดผ่านแอปพลิเคชัน สามารถเพิ่มโอกาสให้กับธุรกิจและสร้างแบรนด์ให้แตกต่างได้ด้วยเทคโนโลยีที่มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง

Masket Communications

โดยในปี 2023 เรามองว่าเรื่องเทคโนโลยีจะยังคงมีความสำคัญอยู่ แต่จะเกิดสมดุลมากขึ้น และเมื่อสถานการณ์โควิดซาลง ผู้คนมีความโหยหา Tangible Experience หรือประสบการณ์จริง แต่ก็ยังเห็นประโยชน์จากเทคโนโลยีที่ทำให้ชีวิตคล่องตัว เช่น การทำงานหลังจากนี้จะเป็นรูปแบบของไฮบริดที่สามารถมาเจอกันตัวต่อตัวหรือผ่านทางแพลตฟอร์มประชุมออนไลน์ก็ได้ ถือเป็นวิถีชีวิตแบบ Balancing with Technology โดยเทคโนโลยีจะไม่ใด้เข้ามาแทนที่ แต่เป็นการเข้ามาเพื่อทำให้การใช้ชีวิตสะดวกสบายและไร้พรมแดน”

Masket Communications

สำหรับทิศทางและแนวโน้มการตลาดในปี 2023 ที่กำลังจะมาถึง ซึ่งถือเป็นยุคแห่งการฟื้นฟู บาลานซ์ และพร้อมเสมอกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น โดยคาดว่าจะเกิดสมดุล ดังนี้

  1. Technology for better lives 

เทคโนโลยีจะมาช่วยตอบโจทย์การขายสินค้าได้สะดวก รวดเร็วขึ้น โดยมี AI รับหน้าที่จัดการข้อมูลอย่างแม่นยำ และ AR เข้ามาหลอมรวมโลกจริงและโลกเสมือนจริงไว้ด้วยกัน โดยในปี 2023 นี้ เราจะเห็นธุรกิจเข้ามาลงทุนเพื่อทำให้เทคโนโลยี AI และ AR เข้ามาทำให้การใช้ชีวิตง่ายขึ้นและลดต้นทุน เช่น AI แปลภาษาอัตโนมัติอย่างรวดเร็วและพูดทุกภาษาได้โดยมี Virtual Human เพื่อรองรับการเกิดขึ้นของเศรษฐกิจแบบ D2A หรือ Direct-to Avatar ที่หมายถึงการให้บริการพื้นที่ สินค้า และประสบการณ์เสมือนจริงกับลูกค้าเสมือนได้คุยกับคน อาทิเช่น ผู้บริโภคสามารถไปช้อปปิ้งที่ห้างแล้วมี AI Personal Shopping Assistant ช่วยให้คำแนะนำในมือถือ 

ทั้งนี้ ในปีหน้าเทคโนโลยีจะเข้ามามีบทบาทในธุรกิจออนไลน์บนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียต่างๆ เช่น Facebook, Instagram และ TikTok โดยผู้บริโภคสามารถนำสินค้ามาทาบกับตัวเองผ่านเทคโนโลยี AR เช่น เสื้อผ้า แว่นกันแดด เฟอร์นิเจอร์ต่างๆ จากนั้นจึงกดเข้าไปซื้อในอีคอมเมิร์ซได้ทันที โดยเทคโนโลยีเหล่านี้จะเข้ามาช่วยในการตัดสินใจ พร้อมสร้างประสบการณ์การซื้อของบนโลกออนไลน์ได้แบบสมจริงและสนุกยิ่งขึ้น

  1. Integrated Channel Experience 

ออนไลน์จะยังคงมีความสำคัญ เพราะผู้บริโภคจะตัดสินใจซื้อสินค้าผ่านประสบการณ์ที่ได้รับจากทั้งออนไลน์และออฟไลน์ โดยธุรกิจที่ขาย Essential products คือ สินค้าที่จำเป็นในการใช้ชีวิตประจำวัน อาทิเช่น สบู่ น้ำหอม ของสด จะเกิดการมองเห็นจากป้ายโฆษณาและโฆษณาออนไลน์ แล้วหาขอมูลต่อบนออนไลน์ แต่เกิดการซื้อเมื่อมาที่ร้านค้า ในขณะที่สินค้า Non-Essential products คือ สินค้าที่อาจไม่จำเป็นมากนัก แต่ตัดสินใจได้ง่าย อาทิเช่น สินค้าแฟชั่น ของเล่นเด็ก จะเกิดจากการเห็นออนไลน์ ทั้งโฆษณาและรีวิว แล้วสามารถตัดสินใจเลือกซื้อออนไลน์ได้ง่าย เมื่อได้รับสิทธิประโยชน์พิเศษหรือโปรโมชั่น

  1. Community drives business

ปัจจุบันความสนใจของผู้บริโภคมีความหลากหลาย ธุรกิจจะมีความสามารถในการเข้าใจกลุ่มเป้าหมายได้อย่างลึกซึ้งด้วยการใช้เทคโนโลยีในการฟังเสียงในโซเชียลและการเก็บดาต้า เมื่อเข้าใจแล้วสามารถสร้างสรรค์ผลงานที่ตอบโจทย์ จะทำให้กลุ่มเป้าหมาย 20% กลายเป็นลูกค้าประจำและเกิดการบอกต่อเพื่อนและคนใกล้ชิด  ปัจจุบันความน่าเชื่อถืออยู่ที่ Influencer และ Community ที่ทำให้ผู้บริโภครู้สึกไว้วางใจนั้นเอง

ปัจจุบัน มาสเก็ต คอมมูนิเคชั่นส์ มีลูกค้ากว่า 80% ในพอร์ทที่ทำงานด้วยกันมากกว่า 3 ปี โดยเราได้ให้ความสำคัญกับการเข้าใจองค์กรลูกค้า ผลิตภัณฑ์ รวมถึงผู้บริโภค โดยกลุ่มลูกค้าและพาร์ทเนอร์ที่ไว้วางใจเข้ามาใช้บริการของ มาสเก็ต คอมมูนิเคชั่นส์ มีหลากหลายกว่า 100 ราย ตั้งแต่กลุ่มธุรกิจอะไหล่และรถยนต์, ผลิตภัณฑ์ด้านเภสัชกรรม, ธุรกิจค้าปลีกและอสังหาริมทรัพย์, ธุรกิจด้านความงาม, สินค้าอุปโภค บริโภค, ธุรกิจด้านการสื่อสารและการประชาสัมพันธ์, กลุ่มธุรกิจสตีมมิ่งทีวี ตลอดจนองค์กรไม่แสวงหาผลกำไร จากความเชี่ยวชาญพร้อมด้วยบริการอันหลากหลายที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ 

“มาสเก็ต คอมมูนิเคชั่นส์ (Masket Communications) มุ่งมั่นที่จะพัฒนาบริการต่างๆ ในอนาคต พร้อมสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ให้รองรับการทำงานที่ตอบโจทย์ธุรกิจ โดยเราตั้งใจที่จะนำพาเทคโนโลยีและไอเดียสดใหม่ ด้วยพลังความมุ่งมั่นที่จะขับเคลื่อนเรื่องการสื่อสารและการตลาดที่แตกต่าง พร้อมนำพาแบรนด์และทีมงานไปข้างหน้าอยู่เสมอ” นางสาวลิษา กล่าวทิ้งท้าย

ผู้ที่สนใจหรือต้องการรับบริการ สามารถดูรายละเอียดได้ที่เว็บไซต์ www.masketcommunications.com คลิกที่ลิงก์ www.bit.ly/PRMasketR1 และทางเฟซบุ๊ก Masket Communications: www.bit.ly/PRMasketFB1 หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร.085-990-5669, 086-375-0581

โดยมาสเก็ต คอมมูนิเคชั่นส์ มีการบริการหลายรูปแบบ ตั้งแต่การนำเทคโนโลยีมาใช้ในงานโฆษณา วางแผนกลยุทธ์ทางการสื่อสารการตลาด ตลอดจนการผลิตสื่อ เพื่อตอบโจทย์ทางธุรกิจได้ตรงเป้าและเป็นทางเลือกสำหรับนักการตลาดยุคใหม่ได้อย่างแท้จริง