Maserati Multi70 Transpac Crew

มาเซราติ มัลติ 70 และจิโอวานนี โซลดินี ร่วมศึกแข่งเรือยอชท์ข้ามแปซิฟิก


เรือแบบมัลติฮัลล์พลังงานไฟฟ้าลำแรกออกตัวจากท่าที่นครลอสแองเจลิสแล้ว เพื่อร่วมชิงชัยในการแข่งขันเรือข้ามมหาสมุทรแปซิฟิกครั้งที่ 52 ระยะทาง 2,225 ไมล์ มุ่งสู่ชัยชนะที่ฮอโนลูลู

มาเซราติ มัลติ 70 (Maserati Multi70) และ จิโอวานนี โซลดินี (Giovanni Soldini) กัปตันเรือผู้มากประสบการณ์ ได้ออกเดินทางจากแคลิฟอร์เนียในการแข่งขัน “ทรานส์แปซิฟิก ยอชท์ เรซ” (Transpacific Yacht Race) หรือที่รู้จักกันในชื่อ “ทรานสแพค” (Transpac) ซึ่งเป็นการแข่งขันเรือข้ามมหาสมุทรแปซิฟิกครั้งที่ 22 งานดังกล่าวเป็นการแข่งขันเรือสุดคลาสสิกที่จัดขึ้นทุก ๆ 2 ปี จัดโดยทรานสแปซิฟิก ยอชท์ คลับ (Transpacific Yacht Club) อย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1906 โดยเริ่มการแข่งขันที่นครลอสแองเจลิส และจะสิ้นสุดที่ฮอโนลูลู มลรัฐฮาวาย รวมระยะทางทั้งสิ้น 2,225 ไมล์

สำหรับ จิโอวานนี โซลดินี และทีมแล้ว การแข่งขันครั้งนี้นับเป็นการทดสอบยิ่งใหญ่ทั้งในเชิงเทคนิคและกีฬา เพราะมาเซราติ มัลติ 70 เป็นเรือแบบมัลติฮัลล์ (Multihull) ลำแรกที่ติดตั้งระบบขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าเต็มรูปแบบ การที่จะทำให้เรือแบบสามท้อง (trimaran) ลำนี้ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าและสามารถแล่นข้ามมหาสมุทรได้เองโดยไม่มีข้อจำกัดด้านสมรรถนะ ทีมงานได้ติดตั้งแผงเซลล์พลังงานแสงอาทิตย์ที่ถูกอัพเกรดใหม่ และพัฒนาแบตเตอรี่พิเศษที่น้ำหนักเบาและเก็บไฟได้มาก สำหรับโครงการพัฒนามาเซราติ มัลติ 70 แล้ว การวิจัย นวัตกรรม เทคโนโลยี และสมรรถนะ ถือเป็นหัวใจสำคัญ โดยได้รับการสนับสนุนอย่างดีจากทีมวิศวกรของศูนย์พัฒนานวัตกรรมมาเซราติ (Maserati Innovation Lab) ในการทดสอบประสิทธิภาพของระบบไฟฟ้า และพัฒนาสมรรถนะอย่างต่อเนื่อง

เรือที่เข้าร่วมการแข่งขันทรานสแปซิฟิก ยอชท์ เรซ มีจำนวนทั้งสิ้น 60 ลำ ซึ่งได้ทยอยมารวมตัวกันโดยใช้เวลาถึง 3 วัน ณ จุดปล่อยตัวที่พอยท์ เฟอร์มิน (Point Fermin) และได้เริ่มการแข่งขันในวันที่ 1 กรกฎาคม ในเวลา 11.55 น. ตามเวลาท้องถิ่น เรือคู่แข่งโดยตรงของมาเซราติ มัลติ 70 ได้แก่ เรือ MOD 70s Argo สัญชาติอเมริกันที่มีเจสัน คาร์รอล (Jason Carroll) เป็นกัปตันและ ไบรอัน ธอมป์สัน (Brian Thompson) เป็นนาวิเกเตอร์ และเรือ Orion ที่มี จัสติน เชฟเฟอร์ (Justin Shaffer) เป็นกัปตัน สำหรับเรือมาเซราติ มัลติ 70 มีจิโอวานนี โซลดินี เป็นกัปตัน พร้อมทีมลูกเรือได้แก่ กุยโด บรอกกี (Guido Broggi) ชาวอิตาเลียน โอลิเวอร์ แฮเรอรา เปเรซ (Oliver Herrera Perez) ชาวสเปน ฟรานเชสโก มาลินกรี (Francesco Malingri) ชาวอิตาเลียน ฟรานเชสโก พีดอล (Francesco Pedol) ชาวอิตาเลียน มัตเตโอ โซลดินิ (Matteo Soldini) ชาวอิตาเลียน และลูคัส วาเลนซา-ทรูบัต (Lucas Valenza-Troubat) ชาวฝรั่งเศส

จิโอวานนี โซลดินี กล่าวว่า “สิ่งสำคัญที่สุดคือเราต้องจับทางลมให้ได้เร็วที่สุด เพื่อให้ออกตัวและได้ประโยชน์จากลมส่งท้ายมากขึ้นในวันต่อ ๆ มา เพื่อลอยลำเข้าสู่ฮาวายสบาย ๆ เราต้องแล่นเรือในสถานการณ์ที่ค่อนข้างยากและมีความเสี่ยงที่จะชนกับของหรือขยะที่ลอยน้ำมา ในด้านเทคนิคแล้วจึงถือได้ว่าการแข่งขันรายการนี้โหดมากสำหรับเรา เพราะเรือเราไม่ได้ยกตัวขึ้นเหนือน้ำตามปกติ เนื่องจากขาดอุปกรณ์สนับสนุนบางอย่างซึ่งติดปัญหาด้านศุลกากร ทำให้เราไม่มั่นใจเต็มที่กับใบเรือและฟอยล์สำหรับยกตัวเรือขึ้นเหนือน้ำ นับว่าน่าเสียดายโอกาสมาก เพราะในการแข่งขันเรือข้ามมหาสมุทรนั้นทุกคนจัดเต็ม เราเองก็ต้องสู้สุดใจ”

เส้นทางในการแข่งขันดังกล่าวจะตัดเข้าไปใกล้แพขยะใหญ่ในมหาสมุทรแปซิฟิก หรือที่เรียกกันว่าเกาะพลาสติก ซึ่งมีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดการชน การแข่งขันครั้งนี้นับเป็นครั้งที่ 3 ที่เรือมาเซราติ มัลติ 70 ได้เข้าร่วม หลังจากเคยลงแข่งมาแล้วในปี ค.ศ. 2017 และ 2019 และเคยพบสถานการณ์ไม่พึงประสงค์แบบนี้มาก่อน โดยในทั้ง 2 ครั้ง เรือได้รับความเสียหายจากขยะที่ลอยมาชน  ครั้งแรกหางเสือด้านขวาหลุดหายไป ส่วนครั้งที่สองมาตรวัดที่กราบเรือทางท้องเรือด้านซ้ายได้รับความเสียหายเพราะชนเข้ากับขยะชิ้นใหญ่ในตอนกลางคืน

การแข่งขันทรานส์แปซิฟิก ยอชท์ เรซ เป็นหนึ่งการการแข่งขันเรือกลางทะเลที่มีระยะทางยาวที่สุดนอกเหนือไปจากการแข่งขันเบอร์มิวดาเรซ (Bermuda Race) ทางฝั่งตะวันออกของสหรัฐอเมริกา การแข่งขันนี้มีความสำคัญมากขึ้นเรื่อย ๆ นับตั้งแต่เริ่มแข่งขันครั้งแรกในปี 1906 และกลายเป็นการแข่งขันที่โหดที่สุดในมหาสมุทรแปซิฟิก โดยมีจุดเริ่มต้นที่ พอยท์ ฟอร์มิน ในนครลอสแองเจลิส  ผู้เข้าแข่งขันจะออกจากเกาะคาทาลินาไปทางซ้าย เผชิญกับคลื่นลมตามฤดูกาลในช่วงนี้ และแล่นเรือฝ่าคลื่นไปเกือบตลอดเส้นทางจนไปสิ้นสุดที่ไดมอนด์เฮด ที่ฮอโนลูลู มลรัฐฮาวาย

ผู้ที่สนใจสามารถติดตามการแข่งขันได้ทางช่องทางต่อไปนี้

เว็บไซต์ www.maserati.soldini.it

เฟซบุ๊ค Giovanni Soldini Official Page

ทวิตเตอร์ @giovannisoldini

อินสตาแกรม @giovanni_soldini

ยูทูบ www.youtube.com/user/GiovanniSoldini

และติดตามการแข่งขันได้ที่ https://yb.tl/transpac2023 

เกี่ยวกับ มาเซราติ เอส.พี.เอ.

มาเซราติ คือ ผู้ผลิตรถยนต์ที่มีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว โดดเด่นด้วยสไตล์, เทคโนโลยีล้ำสมัย และตัวตนที่ไม่ซ้ำใคร สะท้อนความเฉลียวฉลาด รสนิยมอันลุ่มลึก สะท้อนมาตรฐานแห่งการเป็นยนตรกรรมระดับโลก และด้วยความสำเร็จของผลิตภัณฑ์ในแต่ละเซกเมนต์ มาเซราติ ได้กำหนดนิยามใหม่ ให้กับรถสปอร์ตของอิตาลี ในแง่ของการออกแบบ, ประสิทธิภาพ, ความสะดวกสบาย, ความสง่างาม และความปลอดภัย ปัจจุบันมีจำหน่ายในกว่า 70 ประเทศทั่วโลก มาเซราติ ควอตโตรปอร์เต้ (Quattroporte) นับเป็นยนตรกรรมเรือธงของค่ายตรีศูล สมทบด้วยรุ่นกิบลี่ (Ghibli), เลวานเต้ (Levante) เอสยูวีรุ่นแรกในประวัติศาสตร์ของแบรนด์ และ เกรคาเล่ (Grecale) ซึ่งเป็นเอสยูวีที่มาพร้อมแนวคิด ‘Everyday Exceptional’ ทุกรุ่นต่างโดดเด่นด้วยการใช้วัสดุที่มีคุณภาพชั้นสูง และการออกแบบทางเทคนิคอันยอดเยี่ยม มาเซราติ กิบลี่, เลวานเต้ และเกรคาเล่ มีหลายทางเลือกขุมพลัง อาทิ เบนซินไฮบริด 4 สูบ, เบนซิน วี 6 สูบ ไปจนถึงเบนซิน วี 8 สูบ ทั้งในแบบขับเคลื่อนล้อหลังหรือขับเคลื่อน 4 ล้อ โดยมาพร้อมดีเอ็นเออันเป็นเอกลักษณ์ของยนตรกรรมค่ายตรีศูล ขณะที่รุ่นสูงสุด คือ ซูเปอร์สปอร์ตคาร์ เอ็มซี 20 (MC20) และ เอ็มซี 20 แชโล (Cielo) ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ เน็ททูโน (Nettuno) ที่ได้นำเทคโนโลยีจากรถแข่งฟอร์มูลาวัน มาใช้กับยนตรกรรมในสายการผลิตเป็นครั้งแรก มาเซราติ กรันทูริสโม โฉมใหม่ มีจำหน่ายทั้งรูปแบบเครื่องยนต์เบนซินสมรรถนะสูง และแบบไฟฟ้าล้วน เพื่อพัฒนายนตรกรรมค่ายตรีศูลไปสู่อนาคต โดยมี มาเซราติ โฟลกอเร เป็นรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นแรกในประวัติศาสตร์ พร้อมตั้งเป้าในปี 2025 รถยนต์ มาเซราติ ทุกสายพันธุ์จะมีรุ่นที่ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าเป็นทางเลือก และ มาเซราติ ทุกรุ่น จะกลายเป็นรถยนต์ไฟฟ้าทั้งหมดภายในปี 2030