1681960691198 1681960691198

“โลตัส” (Lotus’s) ปิดการขายหุ้นกู้มูลค่า 31,500 ล้านบาท ประสบความสำเร็จตามเป้า ขอบคุณผู้ลงทุนที่ให้การตอบรับอย่างดี พร้อมเดินหน้าสร้างการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ในฐานะผู้นำค้าปลีกแบบออมนิแชนแนลที่เติมเต็มทุกไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภค

กรุงเทพฯ  20 เมษายน 2566 :  “โลตัส” ( Lotus’s) ผู้นำค้าปลีกแบบออมนิแชนแนล ดำเนินงานภายใต้ชื่อจดทะเบียน บริษัท เอก-ชัย ดีสทริบิวชั่น ซิสเทม จำกัด ประสบความสำเร็จในการเสนอขายหุ้นกู้ให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก โดยสามารถปิดการขายได้ตามเป้าหมายระดมทุนได้มูลค่า 31,500 ล้านบาท พร้อมเดินหน้าสร้างการเติบโตให้กับธุรกิจอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน เพื่อตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของผู้บริโภค    

บริษัท เอก-ชัย ดีสทริบิวชั่น ซิสเทม จำกัด ผู้ประกอบธุรกิจค้าปลีกสินค้าอุปโภคบริโภคชั้นนำขนาดใหญ่ และบริหารพื้นที่เช่าในศูนย์การค้าในประเทศไทย ภายใต้แบรนด์  “โลตัส”  (Lotus’s) ประกาศความสำเร็จในการเสนอขายหุ้นกู้ 5 รุ่นอายุ ประกอบด้วย รุ่นอายุ 1 ปี 6 เดือน อัตราดอกเบี้ย 2.80% ต่อปี อายุ 3 ปี อัตราดอกเบี้ย 3.20% ต่อปี อายุ 5 ปี อัตราดอกเบี้ย 3.54% ต่อปี อายุ 8 ปี อัตราดอกเบี้ย 3.83% ต่อปี และอายุ 10 ปี อัตราดอกเบี้ย 4.00% ต่อปี ซึ่งเสนอขายให้แก่ผู้ลงทุนทั่วไปเป็นครั้งแรกในระหว่างวันที่ 17-19 เมษายน 2566 โดยสามารถปิดการขายด้วยมูลค่า 31,500 ล้านบาท ตามเป้าหมายที่บริษัทฯ วางไว้

1681960691281

นายสมพงษ์ รุ่งนิรัติศัย ประธานคณะผู้บริหาร ธุรกิจโลตัส ประเทศไทย  เปิดเผยว่า บริษัทฯ ขอขอบคุณผู้ลงทุนที่ให้การตอบรับหุ้นกู้ของบริษัทฯ เป็นอย่างดี สำหรับการเสนอขายให้กับผู้ลงทุนประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก และขอขอบคุณสถาบันการเงินในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ในครั้งนี้ โดยบริษัทฯ จะเดินหน้าดำเนินธุรกิจในฐานะผู้นำค้าปลีกแบบออมนิแชนแนล ทำการขยายสาขาและแพลตฟอร์มออนไลน์อย่างต่อเนื่อง เพื่อนำเสนอสินค้าคุณภาพสูงในราคาที่เอื้อมถึงให้กับผู้บริโภค รวมถึงการเป็น SMART Community Center ศูนย์รวมการใช้ชีวิตอัจฉริยะของชุมชน ควบคู่ไปกับการดูแลผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย อาทิ ผู้ประกอบการ SME เกษตรกร สังคม และสิ่งแวดล้อม เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน

ทั้งนี้ หุ้นกู้ฯ ของบริษัทฯ ที่ออกและเสนอขายในครั้งนี้ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือจากบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ที่ระดับ “A+” เช่นเดียวกับอันดับเครดิตองค์กรของบริษัท เอก-ชัย ดีสทริบิวชั่น ซิสเทม จำกัด ซึ่งอยู่ที่ระดับ “A+” ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต “คงที่” โดยเป็นการจัดอันดับ ณ วันที่ 18 พฤศจิกายน 2565 โดยเปิดจองซื้อผ่านสถาบันการเงินชั้นนำ 9 แห่ง ประกอบด้วย ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน)  ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)  ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน)  ธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน)  ธนาคารยูโอบี จำกัด (มหาชน) ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) และ บริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) รวมถึงทรูมันนี่ วอลเล็ท 

ปัจจุบัน บริษัท เอก-ชัย ดีสทริบิวชั่น ซิสเทม จำกัด ผู้ประกอบธุรกิจค้าปลีกสินค้าอุปโภคบริโภคชั้นนำ และบริหารพื้นที่เช่าในศูนย์การค้าในประเทศไทย ภายใต้แบรนด์ “โลตัส” (Lotus’s) ถือเป็นผู้นำในธุรกิจค้าปลีกแบบออมนิแชนแนล ที่มีช่องทางจัดจำหน่ายหลายรูปแบบ โดย  ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2565 “โลตัส” (Lotus’s) มีร้านค้าปลีกจำนวน 2,578 แห่งทั่วประเทศไทย ประกอบด้วยร้านไฮเปอร์มาร์เก็ต 223 แห่ง ซูเปอร์มาร์เก็ต 202 แห่ง และมินิซูเปอร์มาร์เก็ต 2,153 แห่ง ซึ่งธุรกิจในประเทศไทยได้รับการสนับสนุนจากระบบห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) ที่แข็งแกร่ง ตลอดจนระบบการกระจายสินค้าและเครือข่ายด้านโลจิสติกส์ที่มีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังเร่งการเติบโตของยอดขายผ่านช่องทางออนไลน์ โดยใช้ประโยชน์จากเครือข่ายร้านค้าทั่วประเทศในการเป็น fulfillment center จัดส่งสินค้าได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพทั่วประเทศไทย รวมทั้งยังร่วมมือกับธุรกิจแพลตฟอร์มออนไลน์ (Online Marketplace) เพื่อเพิ่มจุดจำหน่ายสินค้าให้กับผู้บริโภค ตลอดจนการเปิดตัวธุรกิจใหม่ ทั้งร้านกาแฟ ร้านอาหารและเครื่องดื่ม และเครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติ (Vending Machine) ซึ่งสะท้อนการปรับตัวของ “โลตัส” (Lotus’s) ให้สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ และรองรับกับความต้องการของผู้บริโภคในปัจจุบัน

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังเป็นผู้นำในธุรกิจบริหารพื้นที่เช่าในศูนย์การค้า โดยมีพื้นที่เช่าในศูนย์การค้า 200 แห่ง (ไม่รวมศูนย์การค้าที่มีการลงทุนโดยกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าโลตัสส์ รีเทล โกรท หรือ LPF จำนวน 23 แห่ง) โดยมีร้านไฮเปอร์มาร์เก็ตของ “โลตัส” (Lotus’s) เป็นร้านค้าหลัก โดยในจำนวนศูนย์การค้าทั้งหมด บริษัทฯ ถือกรรมสิทธิ์ (Freehold) ในที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่เป็นที่ตั้งของศูนย์การค้าจำนวน 70 แห่ง ขณะที่อัตราการเช่าพื้นที่ (Occupancy Rate) ของศูนย์การค้าอยู่ที่ประมาณ 90% โดยบริษัทฯ ถือหน่วยลงทุน 25% ในกองทุนรวม LPF ที่ลงทุนในศูนย์การค้า 23 แห่งทั่วประเทศ