ภาพรวมการท่องเที่ยวฟื้นตัวดันกองทรัสต์ DREIT โชว์รายได้ปี 2565 กว่า 453 ล้านบาท โดยมีกำไรสุทธิจากการลงทุนสุทธิ 309 ล้านบาท พร้อมประกาศจ่ายปันผลให้ผู้ถือหน่วยในอัตรา 0.4006 บาทต่อหน่วย กำหนดวันปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหน่วยทรัสต์ในวันที่ 10 มีนาคม 2566 และกำหนดจ่ายปันผลในวันที่ 30 มีนาคม 2566 ส่งผลอัตราปันผลตอบแทน (Dividend Yield) สำหรับผลการดำเนินงานปี 2565 แตะระดับร้อยละ 9.36 ต่อปี ขณะที่แนวโน้มการท่องเที่ยวปีนี้ยังเติบโตต่อเนื่อง
นายวรนนท์ อัศวกิตติเมธิน กรรมการผู้จัดการ บริษัท ดุสิตธานี พร็อพเพอร์ตี้ส์ รีท จำกัด ผู้จัดการกองทรัสต์ (REIT Manager) ของทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าดุสิตธานี (“DREIT” หรือ “กองทรัสต์”) เปิดเผยผลการดำเนินงานของกองทรัสต์รอบปี 2565 ที่ผ่านมาว่า กองทรัสต์มีรายได้รวม 453.79 ล้านบาท ซึ่งรายได้ดังกล่าวเป็นรายได้รวมจากการลงทุนในทรัพย์สินทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะทรัพย์สินในประเทศที่เติบโตอย่างมีนัยสำคัญ หลังจากปีที่ผ่านมากลุ่มอุตสาหกรรมท่องเที่ยวในประเทศมีพัฒนาการที่ดีขึ้นอย่างชัดเจนในช่วงครึ่งหลังของปี จากการที่รัฐบาลผ่อนคลายมาตรการควบคุมโควิด-19 อย่างต่อเนื่อง รวมถึงการยกเลิกการขอ Thailand Pass สำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติเพื่อเดินทางเข้าประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2565 ทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวในช่วงปลายปีปรับตัวเพิ่มขึ้น และยังมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่องในปี 2566
ในขณะที่โครงการโรงแรมดุสิตธานี มัลดีฟส์ ยังมีผลการดำเนินงานที่ดีต่อเนื่อง แม้ว่าจะลดลงจากปีที่ผ่านมา เนื่องจากการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศต่างๆ กลับเข้าสู่ภาวะปกติ และนักท่องเที่ยวมีทางเลือกในการเดินทางมากขึ้น ประกอบกับค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นของโรงแรมจากต้นทุนการดำเนินงานที่สูงขึ้นตามภาวะเงินเฟ้อ ทำให้รายได้รวมลดลงคิดเป็นประมาณร้อยละ 9 เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ซึ่งเมื่อหักลบกับค่าใช้จ่ายต่างๆ แล้ว กองทรัสต์มีกำไรจากการลงทุนสุทธิในปี 2565 อยู่ที่ 309.43 ล้านบาท
นอกจากนี้ ในไตรมาสสุดท้ายของปี 2565 กองทรัสต์ได้จำหน่ายไปซึ่งทรัพย์สินโครงการโรงแรมดุสิตดีทู เชียงใหม่ ในราคาที่สูงกว่าราคาประเมิน ทำให้กองทรัสต์มีกำไรพิเศษเพิ่มขึ้น และมีกระแสเงินสดเพื่อใช้สำหรับการปรับปรุงทรัพย์สินต่างๆ เพื่อต้อนรับการกลับมาของภาคท่องเที่ยว รวมถึงจ่ายปันผลให้แก่ผู้ถือหน่วยได้ในอัตราที่สูงขึ้น โดยคณะกรรมการบริษัทของผู้จัดการกองทรัสต์ มีมติอนุมัติจ่ายปันผลให้แก่ผู้ถือทรัสต์ในอัตรา 0.4006 บาทต่อหน่วยทรัสต์ คิดเป็นจำนวนเงิน 285.03 ล้านบาท กำหนดวันปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหน่วยทรัสต์ในวันที่ 10 มีนาคม 2566 และกำหนดจ่ายปันผลในวันที่ 30 มีนาคม 2566 ทำให้ในปี 2565 ที่ผ่านมา กองทรัสต์จ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหน่วยรวม 0.5756 บาทต่อหน่วย หรือคิดเป็นอัตราปันผลตอบแทน (Dividend Yield) ร้อยละ 9.36 ต่อปี (เทียบกับราคาหน่วยลงทุน ณ สิ้นปี)