Peace and Pleasure Pilgrimages

Booking.com เผยเทรนด์ Wellness Tourism ในหมู่ผู้เดินทางชาวไทย และโอกาสครั้งสำคัญของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว


กรุงเทพมหานครฯ (29 พฤษภาคม 66) – ท่ามกลางความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจรวมถึงเหตุการณ์ความผันผวนต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในโลกของเรา ผลสำรวจเพื่อคาดการณ์เทรนด์การท่องเที่ยว* ในปี 2566 ของ Booking.com เผยถึงความต้องการที่เพิ่มมากขึ้นในหมู่ผู้เดินทาง สำหรับการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ หรือเทรนด์ Wellness Tourism ซึ่งเป็นการออกเดินทางเพื่อหาเวลาดูแลตัวเอง ด้วยจุดมุ่งหมายที่ต้องการฟื้นฟูร่างกายและหาความสงบให้กับจิตใจ ในขณะเดียวกันก็ได้หลีกหนีจากสังคมและชีวิตประจำวันอันแสนวุ่นวายและตึงเครียด เทรนด์ดังกล่าวถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของแวดวงการท่องเที่ยวในปีนี้ และผู้เดินทางจะหันมามองหาตัวเลือกการพักผ่อนสำหรับแสวงหาความสุขและความสงบทางกายใจในรูปแบบที่หลากหลายมากขึ้น

นอกจากนี้ ผลสำรวจโดย Global Wellness Institute** ยังเผยให้เห็นถึงอัตราการเติบโตแบบก้าวกระโดดของการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (Wellness Tourism) ที่แซงหน้าธุรกิจเชิงสุขภาพรูปแบบอื่น ๆ ในปี 2566 ดังนั้น คำถามสำคัญ คือ อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวควรปรับตัวอย่างไร ให้สามารถตอบสนองความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปของผู้เดินทาง? เมื่อพวกเขาคำนึงถึง ‘การดูแลตนเอง’ เป็นอันดับต้น ๆ เมื่อถึงเวลาออกเดินทางครั้งต่อไปของพวกเขา

ผู้เดินทางชาวไทย VS การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพในปี 2566

จากผลสำรวจล่าสุดของ Booking.com การท่องเที่ยวในปี 2566 จะเบนเข็มไปในทิศทางของการฟื้นฟูและยกระดับ ร่างกาย จิตใจ และจิตวิญญาณของผู้เดินทางมากขึ้น โดยผลสำรวจเผยถึงความคิดเห็นของผู้เดินทางชาวไทย ดังนี้

  • 77% ของผู้เดินทางชาวไทยต้องการออกเดินทางท่องเที่ยว เพื่อปรับสมดุลทางจิตใจ และมองหาสถานที่ผ่อนคลายเพื่อการฝึกทำสมาธิ เพื่อแสวงหาความสงบและความสุขด้วยตัวเอง
  • 65% มองหาทริปพักผ่อนเพื่อฟื้นฟูสุขภาพ โดยเฉพาะสุขภาพจิต โดยมองหาการดูแลสุขภาพกายและใจในรูปแบบใหม่ รวมถึงเวลาในการดูแลตัวเองในช่วงเวลาสำคัญหรือเปลี่ยนผ่านของชีวิต เช่น ทริปพักผ่อนในวัยหมดประจำเดือน หรือทริปพักผ่อนระหว่างตั้งครรภ์ 
  • ขณะที่ 55% ของผู้เดินทางชาวไทยเห็นว่าการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ เป็นโอกาสที่จะทำให้พวกเขาได้ทดลองการบำบัดสุขภาพทางเลือก ด้วยสารจากธรรมชาติ เช่น กัญชา และสารสกัดจากพืชที่ออกฤทธิ์ต่อระบบประสาทอย่าง อายาวัสกา หรือเห็ดเมา เพื่อสัมผัสประสบการณ์ทางจิตวิญญาณที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น 

โอกาสของแวดวงการท่องเที่ยวในการนำเสนอตัวเลือกด้านการเดินทางเชิงสุขภาพ

จากข้อมูลต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นผลสำรวจเพื่อคาดการณ์เทรนด์การท่องเที่ยว* ในปี 2566 ของ Booking.com หรือผลสำรวจจาก Global Wellness Institute ต่างให้ข้อมูลสอดคล้องกันว่าในปีนี้การเดินทางเชิงสุขภาพ (Wellness Tourism) มีแนวโน้มเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง และเหล่าผู้เดินทางจะมองหาตัวเลือกใหม่ ๆ สำหรับการเดินทางประเภทนี้มากขึ้นอีกด้วย นี่จึงเป็นช่วงเวลาและโอกาสครั้งสำคัญที่ภาคธุรกิจการท่องเที่ยวจะนำเสนอประสบการณ์ท่องเที่ยวที่ทำให้ผู้เดินทางได้สัมผัสกับ ‘การดูแลตัวเอง’ และการ ‘ใช้เวลาอยู่กับตัวเอง’ เพื่อการบำบัดการฟื้นฟูทั้งร่างกายและจิตใจ ระหว่างการเดินทาง 

ยิ่งไปกว่านั้นข้อมูลจาก Booking.com ยังเผยให้เห็นถึงความคิดเห็นของผู้เดินทาง ผ่านการรีวิว และการให้คะแนนที่พัก โดยความคิดเห็นเชิงบวกที่ผู้เดินทางมีต่อที่พักแต่ละแห่งนั้น ไม่ได้ขึ้นอยู่กับสิ่งอำนวยความสะดวก ที่หมายรวมถึงความสะอาด หรือสถานที่ตั้งของที่พัก อย่างเดียวอีกต่อไป แต่ยังขึ้นอยู่กับความรู้สึกที่พวกเขาได้รับจากการเข้าพัก ไม่ว่าจะเป็นการได้ผ่อนคลายกายและใจจากความเครียด หรือความรู้สึกที่ได้รับแรงใจกลับไปหลังจากจบทริปท่องเที่ยวอีกด้วย 

โดยโอกาสสำหรับธุรกิจในแวดวงการเดินทาง เพื่อตอบสนองเทรนด์การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ สามารถแบ่งออกได้เป็นสองกลุ่ม โดยกลุ่มแรก ได้แก่ บริการหรือข้อเสนอสำหรับผู้ที่มองหาประสบการณ์ท่องเที่ยวเพื่อดูแลสุขภาพกายและใจของตัวเองเป็นหลัก โดยผู้ประกอบการสามารถตอบสนองความต้องของการพวกเขา ด้วยบริการที่ช่วยมอบการพักผ่อนทางกายและใจอย่างแท้จริง ไม่ว่าจะเป็นการอาบป่า (Forest Bathing) หรือการเข้าป่าเพื่อบำบัดและใช้เวลาท่ามกลางธรรมชาติ ไปจนถึงการท่องเที่ยวเพื่อการนอนหลับ (Sleep Tourism) เพื่อตอบโจทย์ผู้ที่มีภาวะขาดการนอนหลับ และกลุ่มที่สอง ได้แก่ บริการหรือข้อเสนอสำหรับผู้ที่ต้องการเดินทางท่องเที่ยวเป็นหลักแต่มองหาช่วงเวลาพักผ่อนระหว่างนั้น โดยพวกเขาจะมองหาแบรนด์หรือผู้ให้บริการด้านการท่องเที่ยวที่นำเสนอประสบการณ์พิเศษสำหรับดูแลตัวเองทั้งทางกายและทางใจในรูปแบบต่าง ๆ แฝงอยู่ระหว่างทริปการเดินทางของพวกเขา เช่น บริการให้คำปรึกษาโดยนักบำบัดออนไลน์สำหรับแขกผู้เข้าพัก*** เป็นต้น

*การสำรวจเพื่อคาดการณ์เทรนด์ท่องเที่ยวปี 2566 ดำเนินการโดย Booking.com โดยได้สอบถามกลุ่มตัวอย่างที่เป็นผู้ใหญ่ซึ่งวางแผนที่จะเดินทางทริปธุรกิจหรือทริปพักผ่อนในช่วง 12-24 เดือนข้างหน้า ผู้เข้าร่วมการสำรวจมีจำนวนทั้งหมด 24,179 คนใน 32 ประเทศและดินแดน (โดยมาจากอาร์เจนตินา 1,014 คน ออสเตรเลีย 1,006 คน ออสเตรีย 505 คน เบลเยียม 504 คน บราซิล 1,009 คน แคนาดา 503 คน จีน 1,009 คน โคลอมเบีย 1,010 คน โครเอเชีย 505 คน เดนมาร์ก 505 คน ฝรั่งเศส 1,010 คน เยอรมนี 1,001 คน ฮ่องกง 500 คน อินเดีย 1,005 คน ไอร์แลนด์ 504 คน อิสราเอล 504 คน อิตาลี 1,008 คน ญี่ปุ่น 1,003 คน เม็กซิโก 504 คน เนเธอร์แลนด์ 502 คน นิวซีแลนด์ 1,007 คน โปรตุเกส 1,009 คน สิงคโปร์ 507 คน เกาหลีใต้ 1,008 คน สเปน 1,001 คน สวีเดน 505 คน สวิตเซอร์แลนด์ 508 คน ไต้หวัน 500 คน ไทย 504 คน สหราชอาณาจักร 1,006 คน สหรัฐอเมริกา 1,009 คน และเวียดนาม 504 คน) ผู้เข้าร่วมได้ทำแบบสอบถามทางออนไลน์ในเดือนสิงหาคม 2565

**https://globalwellnessinstitute.org/wp-content/uploads/2021/11/GWI-WE-Monitor-2021_final-digital.pdf

*** https://www.travelpulse.com/news/hotels-and-resorts/kimpton-to-provide-free-counseling-to-employees-guests.html

เกี่ยวกับ Booking.com:

เป็นส่วนหนึ่งของ Booking Holdings Inc. (NASDAQ: BKNG) Booking.com มาพร้อมกับพันธกิจ ในการช่วยให้ทุกคนได้ออกไปสัมผัสโลกกว้างได้ง่ายดายยิ่งขึ้น โดยการลงทุนพัฒนาด้านเทคโนโลยีเพื่อช่วยเพิ่มความสะดวกสบายให้กับการเดินทาง และเชื่อมโยงผู้เดินทางหลายล้านคนเข้ากับประสบการณ์การเดินทางที่น่าจดจำในทุกวัน สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมสามารถติดตามได้ที่ @bookingcom บนสื่อสังคมออนไลน์ หรือไปที่เว็บไซต์ globalnews.booking.com