01 01

เปิดมิติใหม่ของโลกการลงทุน กับ Art Investment Center ศูนย์กลางการลงทุนด้านศิลปะ และของสะสมล้ำค่าครบวงจรแพลตฟอร์มแรกในโลก ที่ยกระดับ Passion Investment อย่างยั่งยืน

02

ดร.ดอยธิเบศร์ ดัชนี CEO & Founder ART INVESTMENT CENTER แท็กทีมสุดยอดพันธมิตรทั้งภาครัฐ และเอกชนระดับแนวหน้าของประเทศ อาทิ กระทรวงวัฒนธรรม, กรมส่งเสริมวัฒนธรรม, กรมทรัพย์สินทางปัญญา, สำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย, มูลนิธิรามาธิบดีฯ, บริษัท สยามพิวรรธน์, สยามพารากอน, ธนาคาร ไทยพาณิชย์, โทเคน เอกซ์, พิพิธภัณฑ์บ้านดำ, บริษัท เจดับเบิลยูดีอาร์ท สเปซ, บริษัท ลาร์ติซอง, บริษัท ฟูลล์โดม โปร, บริษัท สโคป, เอสซี แอส เสท คอร์ปอเรชั่น, บางกอก อาร์ต อ๊อกชั่น, บริษัท อาร์ต แท๊งค์ มีเดีย, พิพิธภัณฑ์ดาบญี่ปุ่นแห่ง ประเทศไทย, บริษัท ทีเจการาจ และ บริษัท ฮอคโค เปิดตัว ART INVESTMENT CENTER (AIC)  สุดยอดแพลตฟอร์มอัจฉริยะแบบไร้ขีดจำกัด ระดับ The Ultimate Luxury Platforms ศูนย์กลางการลงทุนด้านศิลปะ และของสะสมล้ำค่าแบบครบวงจร หวังผลักดันเศรษฐกิจสร้างสรรค์ให้กลายเป็นรายได้หลักของประเทศในอนาคต และเป็นเป้าหมายของนักลงทุนจากทั่วโลก ในฐานะแพลตฟอร์มแรกของโลก ที่กล้าการันตีว่าผลงานศิลปะและของสะสมทุกชิ้นที่อยู่บนแพลตฟอร์ม เป็นของแท้ 100%

09

เป้าหมายของการเปิดตัว ART INVESTMENT CENTER (AIC) เปิดเผยโดย ดร.ดอยธิเบศร์ ดัชนี CEO & Founder ART INVESTMENT CENTER ว่า ต้องการแก้ทุก Painpoint และสารพัดปัญหาที่ไม่เคยมีทางออก เช่น สนใจสะสมงานศิลปะ แต่ไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร, จะซื้อจากที่ไหน ถึงอุ่นใจว่าได้ของแท้ หรือซื้อไปแล้วจะมีอนาคตหรือไม่ หรือบางคนได้รับของสะสมที่มีมูลค่าเป็นมรดกตกทอด ก็ไม่รู้ว่าจะบริหารจัดการอย่างไร “มาร่วมกันเปลี่ยนโลกใบเก่า ด้วยการสร้างระบบนิเวศใหม่” เพื่อเป็น “ต้นแบบนวัตกรรมสร้างสรรค์เพื่อสังคมอย่างยั่งยืน” ผ่าน 6 บริการหลัก ได้แก่ 1.ซื้อ 2.ขาย 3.แลกเปลี่ยน 4.ให้เช่า 5.บริจาค และ 6.สินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset)

10

“ที่ผ่านมา หลายคนอาจจะคุ้นเคยกับการซื้องานศิลปะหรือของสะสมผ่านช่องทางออฟไลน์ แต่แพลตฟอร์มนี้จะเชื่อมโลกออฟไลน์และออนไลน์เข้าด้วยกันอย่างเป็นระบบ พร้อมเพิ่มความมั่นใจให้ผู้ซื้อ ด้วยการผนึกกำลังกับผู้เชี่ยวชาญในแต่ละสาขา รวมทั้งสถาบันจากภาครัฐและเอกชนในการรับรองว่า ผลงานศิลปะรวมทั้งของสะสมเป็นของแท้ 100% ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นแพลตฟอร์มแรกของโลกที่กล้าการันตีแบบนี้ 

17

ในส่วนของการขาย ทุกผลงานที่เข้ามาอยู่ในแพลตฟอร์ม AIC ซึ่งตั้งใจให้เป็นเหมือนศูนย์กลางในการรวมตัวของนักสะสมและนักลงทุนจากทั่วทุกมุมโลก จะถูกหักรายได้ 35% โดย 5% จะนำไปบริจาค 10% นำไปแบ่งให้พันธมิตรทั้งองคาพยพ ส่วนอีก 20% จะถูกใช้เป็นค่าบริหารจัดการแพลตฟอร์ม ในส่วนของการบริจาค AIC คิกออฟด้วยการจับมือกับมูลนิธิรามาธิบดีฯ เป็นแพลตฟอร์มกลางสำหรับให้ผู้ที่ประสงค์จะบริจาคผลงานศิลปะหรือของสะสม โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย
หรือ สำหรับใครที่อยากนำผลงานศิลปะหรือของสะสมที่มีมาปล่อยเช่าหรือแลกเปลี่ยนผ่านแพลตฟอร์มก็สามารถทำได้เช่นกัน ในส่วนของ Digital Asset หรือ การลงทุนรูปแบบใหม่ในทรัพย์สินดิจิทัล ในอนาคต AIC มีแผนจะร่วมมือกับธนาคารไทยพาณิชย์ และ โทเคน เอกซ์ เพื่อต่อยอดนวัตกรรมการลงทุนด้านศิลปะให้ก้าวไปอีกขั้น”

06

ดร.ดอยธิเบศร์ ยังกล่าวด้วยว่า หลังจากเปิดตัวแพลตฟอร์มอย่างเป็นทางการ ในช่วงแรก จะยังเปิดให้เฉพาะผู้ที่ได้รับเชิญเข้ามาใช้งานเท่านั้น เพราะต้องการคัดกรองผู้ที่เข้ามาอยู่ในแพลตฟอร์ม โดยผลงานที่จะมาอยู่บนแพลตฟอร์มนั้น
คัดเฉพาะชิ้นคุณภาพที่ดีที่สุดเท่านั้น 

07

“เราไม่ต้องการให้ AIC เป็นตลาดนัดศิลปะ เพราะจะทำให้ผู้ใช้บริการขาดความเชื่อมั่น เราต้องการสร้างมิติใหม่ให้วงการ เพราะแม้ผมเองจะเปลี่ยนโลกใบเก่าไม่ได้ แต่เราสามารถสร้างระบบนิเวศใหม่ในโลกใบเก่าได้ ด้วยการร่วมกับพันธมิตรจากทุกภาคส่วน ในการยกระดับโลกการลงทุนด้านศิลปะและของสะสม พร้อมสร้างความเชื่อมั่นให้เหล่านักสะสมและนักลงทุนจากทั่วโลก ให้เข้ามาชื่นชมและเห็นคุณค่าของผลงานคนไทย”

ทั้งนี้ ดร.ดอยธิเบศร์ ยกตัวอย่าง การเข้ามายกระดับมายกระดับโลกการลงทุนว่า ในอดีต ศิลปินอยู่ในโลกออฟไลน์ ใช้วิธีหาสถานที่จัดงาน เพื่อแสดงผลงานและขาย แต่พอมีแพลตฟอร์มที่เป็นทางการแบบ AIC จะช่วยเชื่อมโลกออฟไลน์และออนไลน์เข้าด้วยกัน โดยหลังจากงานนิทรรศการจบ ยังไปเจอกันบนโลกออนไลน์ได้ต่อ หรืออาจนำไปสู่การเชื่อมต่อกับเครือข่าย 

08

“ยกตัวอย่างว่าถ้ามีนักลงทุนสนใจลงทุนในงานศิลปะ แต่ไม่รู้จักศิลปินเลย ด้วยเครือข่ายที่เรามี จะเข้ามาเชื่อมต่อ   นักลงทุนกับศิลปิน ถ้านักลงทุนซื้อภาพตอนนี้ ภาพละ 1 แสน แล้วอีก 3 เดือนศิลปินจัดแสดงงานแล้วขายที่ 1.5 แสน เท่ากับว่า ถ้าลงทุนวันนี้ อีก 3 เดือน กำไรรูปละ 5 แสนบาท อย่างไรก็ตาม การลงทุนมีความเสี่ยง ถ้าสมมติรูปที่ซื้อมาขายไม่หมด ก็ต้องรับความเสี่ยงไป แต่อย่างน้อย หากลงทุน 1 ล้านบาทซื้อมา 10 รูป ขายได้ 7 รูป อีก 3 รูป ก็ยังสามารถใช้แพลตฟอร์ม AIC เอาไปแลกเปลี่ยนหรือเช่าได้ หรือ อย่างโรงแรม ร้านอาหาร คาเฟ่ ที่มองหาผลงานศิลปะไปตกแต่ง เราอาจจะพัฒนาไปสู่การทำ Live Gallery นำผลงานศิลปะของเครือข่ายศิลปินที่เรามีมาให้เลือก ได้ผลงานที่ถูกใจเอาไปจัดแสดง ถ้าผลงานชิ้นนั้นขายได้ เราหัก 10% ให้เจ้าของโรงแรม หรือร้านอาหาร วิน-วิน กันทุกฝ่าย หรือ ในอนาคต สำหรับผลงานศิลปะที่ราคาสูงมากๆ เป็นเจ้าของคนเดียวไม่ไหว อาจจะต่อยอดไปสู่ในรูปแบบสินทรัพย์ดิจิทัล ที่เป็นเจ้าของร่วมกัน พอขายได้ ก็นำกำไรมาแบ่งกัน เป็นต้น”

ด้าน เสริมคุณ คุณาวงศ์ ผู้ก่อตั้งและประธาน บริษัท อาร์ต แท็งก์ กรุ๊ป จำกัด มองว่า แพลตฟอร์ม AIC เป็นอีกหนึ่งกำลังในการเข้ามาช่วยส่งเสริมระบบนิเวศของตลาดศิลปะเมืองไทยให้เข้มแข็งขึ้น ในฐานะตลาดกลางที่เชื่อมต่อผู้ซื้อกับผู้ขายให้มาเจอกัน ที่สำคัญ ไม่จำกัดแค่ตลาดในประเทศ แต่ยังเชื่อมโยงนักลงทุนจากต่างประเทศให้เข้ามาเป็นเจ้าของผลงานของคนไทย โดยมีการสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้ซื้อด้วยการรับรอง จากที่ผ่านมา การซื้อขายผ่านโลกออนไลน์ อาจจะไม่มีองค์กรหรือระบบที่ชัดเจน เป็นการซื้อขายผ่านช่องทางโซเชียลมีเดีย

“ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา จะเห็นว่าดีมานด์ของนักสะสมเพิ่มขึ้นทุกปี ปัจจัยหลักมาจาก ระบบแกลอรี่ที่เข้มแข็งขึ้น มีการจัดนิทรรศการและส่งเสริมศิลปินให้มีการพัฒนาผลงาน ออกคอลลเลกชันที่ทรงพลังมากขึ้น ทำให้วงการศิลปะและของสะสมขยายวงกว้างมากขึ้น ถัดมาคือ อานิสงค์จากการขยายตัวของกลุ่ม ART TOY ที่ไม่ได้จำกัดแค่ในหมู่สะสม แต่ขยายฐาน         นักสะสมให้กว้างขึ้น สุดท้ายคือความนิยมในการลงทุนงานศิลปะและของสะสมที่เพิ่มขึ้น นอกจากการลงทุนในหุ้น อสังหาฯ การลงทุนในแพชชันหรือสิ่งที่ชอบ (Passion Investment) อย่างไวน์ งานศิลปะ และของสะสม กลายเป็นตลาดใหญ่ ที่มีมูลค่าเป็นหมื่นล้าน โดยสัดส่วนของการลงทุนในกลุ่มนี้ที่มากที่สุด คือ ผลงานศิลปะ เพราะกลุ่มคนที่มีความมั่งคั่ง มักจะลงทุนใน Passion Investment 10 – 15% แม้ว่าปัจจุบัน การลงทุนในกลุ่มนี้ของคนไทยอาจจะยังไม่มาก แต่เชื่อว่าทิศทางในอนาคต
จะดีขึ้น โดยมีแพลตฟอร์ม AIC เป็นอีกหนึ่งกำลังในการผลักดัน”

ในโอกาสเดียวกันนี้ พิพิธภัณฑ์บ้านดำ ยังฉลองครบรอบ 12 ปี ร่วมกับ สยามพิวรรธน์ จัดนิทรรศการ The Eternal Treasure of Asia” “สมบัติชั่วนิรันดร์แห่งเอเชีย” เปิดกรุสมบัติหมื่นล้านจากพิพิธภัณฑ์ และนักสะสมชั้นนำระดับโลก โดยแบ่งออกเป็น 4 กลุ่มได้แก่ ศิลปะสร้างโลก ความรักปรากฏรูป ผลงานศิลปะระดับตำนาน ที่รวบรวมสุดยอดของผลงานศิลปะของศิลปินแห่งชาติ ดร.ถวัลย์ ดัชนี ที่ไม่เคยนำมาจัดแสดงที่ไหนมาก่อน ศรัทธา ประติมา ปาฏิหาริย์ พลังแห่งวัตถุมงคล ล้ำค่า มรดกทางภูมิปัญญาของสยามประเทศ เทพศาสตราวุธ ศาสตร์และศิลป์แห่งจิตวิญญาณ จัดแสดงดาบสำคัญในประวัติศาสตร์และเรื่องราวของวิถีแห่ง Bushido และ ประติมากรรมยานยนต์เหนือกาลเวลา พร้อมเปิดโอกาสให้นักเสพย์งานศิลป์ รวมถึงนักลงทุน นักสะสม ได้ชื่นชมอย่างใกล้ชิดเฉพาะในงานนี้เท่านั้น! ณ Fashion Gallery ชั้น 1 สยามพารากอน ตั้งแต่วันนี้ถึง 1 กันยายนนี้ เท่านั้น!!