AIS ESG

AIA เดินหน้าความสำเร็จกลยุทธ์ ESG ผ่านแอปฯ AIA+ หนุน e-Paper ลดการใช้กระดาษกว่า 1 ล้านแผ่นในไทย และกว่า 350 ล้านแผ่นทั่วเอเชียในปี 2565


เอไอเอ ตอกย้ำความสำเร็จครั้งสำคัญในการลดการใช้กระดาษทั่วเอเชีย ซึ่งเผยแพร่ใน AIA ESG Report ประจำปี 2565 โดย เอไอเอ สามารถลดปริมาณการใช้กระดาษทั่วภูมิภาคเอเชียได้มากถึง 1,750 ตัน เทียบเท่ากับกระดาษกว่า 350 ล้านแผ่น ซึ่งแสดงถึงความมุ่งมั่นในการเดินหน้าผลักดันพันธกิจด้านสิ่งแวดล้อม ความรับผิดชอบต่อสังคม และธรรมาภิบาล (Environmental, Social, and Governance – ESG) ที่ถือเป็นรากฐานหลักในการดำเนินธุรกิจ โดย เอไอเอ ให้ความสำคัญกับการมุ่งมั่นส่งเสริมสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืนให้กับทุกคน และ เอไอเอ ยังคงเดินหน้าสร้างอนาคตที่ยั่งยืนให้กับผู้คนทั่วภูมิภาคเอเชีย ตามคำมั่นสัญญา “Healthier, Longer, Better Lives” 

ในปี 2565 เอไอเอ ประเทศไทย สามารถลดปริมาณการใช้กระดาษลงได้ถึง 1,008,440 แผ่น ด้วยการสนับสนุนให้ลูกค้าลงทะเบียนใช้บริการเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ (e-Document) และบริการกรมธรรม์อิเล็กทรอนิกส์ (e-Policy) โดยบริการเหล่านี้ได้เปิดตัวตั้งแต่ปี 2563 เพื่อช่วยให้ลูกค้าเอไอเอ เข้าถึงเอกสารกรมธรรม์ได้ง่ายผ่านแอปพลิเคชัน AIA+ อีกทั้ง เอไอเอ ประเทศไทย ยังได้ผสานเทคโนโลยี บริการดิจิทัล และการวิเคราะห์ความต้องการของลูกค้าไว้ในผลิตภัณฑ์ประกัน ตามเป้าหมายที่จะมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดแบบครบวงจรแก่ผู้ใช้งานผ่านแอปพลิเคชัน AIA+ ตลอดจนยังประสบความสำเร็จตามเป้าหมายในการสร้างการมีส่วนร่วมกับชุมชน และการตั้งเป้าเป็นผู้นำด้านในการดำเนินงานโครงการด้านสิ่งแวดล้อม ความรับผิดชอบต่อสังคม และธรรมาภิบาล โดยที่ผ่านมา เอไอเอ ได้มีโครงการที่ส่งเสริมด้าน ESG เช่น โครงการ AIA Saves the World และอีกหลายโครงการที่มุ่งส่งเสริมด้านการออกแบบและการใช้งานอาคาร
ภายใต้คอนเซ็ปต์ Green Building ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

สำหรับแอปพลิเคชัน AIA+ (เอไอเอ พลัส) ที่ เอไอเอ ประเทศไทยได้พัฒนาขึ้นนั้นเป็นการรวบรวมบริการของ แอปพลิเคชัน AIA iService และแอปพลิเคชัน AIA Vitality เข้าไว้ด้วยกัน ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงบริการกรมธรรม์ประกันชีวิตแบบดิจิทัล ระบบติดตามสุขภาพ รวมถึงสิทธิประโยชน์ที่ส่งเสริมให้ผู้คนมีไลฟ์สไตล์เพื่อสุขภาพที่ดีขึ้นแบบไร้รอยต่อ

รายงานระบุว่า ในเอเชีย มีการซื้อประกันชีวิต การใช้บริการ และการเรียกร้องสินไหมทดแทนผ่านระบบดิจิทัล สูงถึงร้อยละ 87 จากการนำเทคโนโลยีดิจิทัลที่ล้ำสมัยเข้ามาช่วยในการดำเนินธุรกิจ (Advancing Digital Transformation) ข้อมูลยังระบุว่า ขั้นตอนการซื้อประกันของ เอไอเอ ร้อยละ 98 เป็นแบบไร้กระดาษทั้งหมด การที่เอไอเอ นำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้จึงช่วยให้นำไปสู่การสร้างรากฐานความยั่งยืนในอนาคต โดยเป็นการทดแทนขั้นตอนการติดต่อดำเนินงานด้านเอกสารแบบเดิม ๆ มาเป็นการให้บริการที่คล่องตัวและราบรื่นอย่างไร้รอยต่อให้แก่ลูกค้า โดย เอไอเอ ได้ติดตามผลและวิเคราะห์ระดับของการนำเทคโนโลยีดิจิทัลและระบบอัตโนมัติมาใช้ในการดำเนินงานของทุกประเทศ โดยต่อยอดจากเฟรมเวิร์กที่พัฒนาขึ้นในปี 2561 พร้อมทั้งมุ่งมั่นที่จะนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้เพื่อสื่อสารกับลูกค้า พัฒนาตัวเลือกบริการให้ดียิ่งขึ้น และลดปริมาณการใช้กระดาษในองค์กร

ปัจจุบัน เอไอเอ มีลูกค้าที่ถือครองกรมธรรม์ประกันชีวิตรายบุคคลที่มีผลบังคับมากกว่า 41 ล้านกรมธรรม์ โดย AIA ESG Report ประจำปี 2565 ระบุว่า เอไอเอ มีอัตราการซื้อกรมธรรม์แบบไร้กระดาษสูงถึงร้อยละ 98 นอกจากนี้อัตราการส่งเอกสารกรมธรรม์ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-submission) สำหรับบริการของ เอไอเอ ยังเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 76 เป็นร้อยละ 85 ส่วนอัตราการเรียกร้องสินไหมทดแทนแบบไร้กระดาษในปัจจุบันคิดเป็นร้อยละ 85 ของทั้งหมด ซึ่งธุรกรรมการซื้อประกัน การให้บริการ และการเรียกร้องสินไหมของ เอไอเอ ในปัจจุบันร้อยละ 87 ดำเนินการผ่านระบบดิจิทัล โดย เอไอเอ ยังคงเดินหน้าขับเคลื่อนการดำเนินงานตามขั้นตอนต่างๆ ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ (E-Output) ซึ่งในปัจจุบันมีสัดส่วนอยู่ที่ร้อยละ 92 ซึ่ง เอไอเอ ยังได้ตั้งเป้าหมายที่จะลดการใช้กระดาษโดยใช้ระบบ E-Output  ด้วยการเพิ่มบริการ ออกกรมธรรม์อิเล็กทรอนิกส์ (E-Policy) และการแจ้งเตือนอิเล็กทรอนิกส์ (E-Notifications) เข้ามาใช้อย่างจริงจัง

การนำเทคโนโลยีดิจิทัลที่ล้ำหน้าเข้ามาช่วย เป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ที่สำคัญเป็นอย่างยิ่งในพันธกิจด้าน ESG ของ เอไอเอ และความมุ่งมั่นในการส่งเสริมการใช้ชีวิตที่ยั่งยืนและมีสุขภาพที่ดีขึ้นสำหรับผู้คน โดยกลยุทธ์ ESG ของ เอไอเอ สอดคล้องกับแนวทางหลักทั้ง 5 ด้าน ได้แก่ สุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี การลงทุนที่ยั่งยืน การดำเนินงานที่ยั่งยืน ผู้คนและวัฒนธรรม และธรรมาภิบาลที่มีประสิทธิภาพ โดย เอไอเอ ตระหนักดีถึงการเปลี่ยนแปลงในเชิงบวกที่เกิดขึ้นจากการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้เพื่อสร้างอนาคตที่ยั่งยืนและส่งเสริมให้ทุกคนในสังคมมีสุขภาพที่ดีขึ้น รวมไปถึงการส่งเสริมให้ผู้ใช้งานได้สนุกกับการใช้ชีวิตที่ดีขึ้นในทุกด้าน

ทั้งนี้ สำหรับ AIA ESG Report ยังได้รวบรวมข้อมูลที่แสดงให้เห็นถึงความทุ่มเทและความมุ่งมั่นในการสร้างอนาคตที่ยั่งยืนเพื่อทุกคนในสังคม โดยสามารถอ่านรายงานฉบับเต็มเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ www.aia.com/en/about-aia/esg 

เกี่ยวกับกลุ่มบริษัทเอไอเอ

กลุ่มบริษัทเอไอเอ และบริษัทในเครือ (รวมเรียกว่า “เอไอเอ” หรือ “กลุ่มบริษัทเอไอเอ”) เป็นกลุ่มบริษัทประกันชีวิตที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ซึ่งจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์และมีการบริหารจัดการอย่างอิสระ มีบริษัทในเครือและสำนักงานสาขาใน 18 ประเทศทั่วเอเชียแปซิฟิก ทั้งในประเทศจีน เขตปกครองพิเศษฮ่องกง ไทย สิงคโปร์ มาเลเซีย ออสเตรเลีย กัมพูชา อินโดนีเซีย เมียนมาร์ นิวซีแลนด์ ฟิลิปปินส์ เกาหลีใต้ ศรีลังกา ไต้หวัน (จีน) เวียดนาม บรูไน และเขตปกครองพิเศษมาเก๊า และเป็นผู้ถือหุ้นร่วมทุน 49% ในประเทศอินเดีย  

เอไอเอเริ่มต้นธุรกิจครั้งแรกในเมืองเซี่ยงไฮ้เมื่อศตวรรษที่ผ่านมา ในปี 2462 โดยเป็นผู้นำตลาดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก (ยกเว้นประเทศญี่ปุ่น) ในด้านเบี้ยประกันภัยรับจากธุรกิจประกันชีวิต และเป็นผู้นำตลาดโดยส่วนใหญ่ในภูมิภาค โดยมีสินทรัพย์รวมอยู่ที่ 302 พันล้านเหรียญสหรัฐ ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2565

กลุ่มบริษัทเอไอเอนำเสนอผลิตภัณฑ์ในการออมเงินระยะยาวและความคุ้มครองชีวิตแก่ลูกค้าบุคคลผ่านผลิตภัณฑ์และบริการที่หลากหลาย ทั้งการประกันชีวิต การประกันภัยอุบัติเหตุและสุขภาพ และการวางแผนทางการเงินในวัยเกษียณ นอกจากนี้ กลุ่มบริษัทเอไอเอยังให้บริการลูกค้าองค์กรผ่านผลิตภัณฑ์สวัสดิการพนักงาน ประกันสินเชื่อ และให้บริการเป็นผู้จัดการกองทุนสำรองเลี้ยงชีพผ่านเครือข่ายตัวแทน พันธมิตรและพนักงานทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดยเอไอเอมีลูกค้าที่ถือครองกรมธรรม์ประกันชีวิตรายบุคคลที่มีผลบังคับมากกว่า 41 ล้านกรมธรรม์ และเป็นสมาชิกกรมธรรม์ประกันกลุ่มมากกว่า 17 ล้านคน

กลุ่มบริษัทเอไอเอจดทะเบียนในกระดานหุ้นหลักของตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง ภายใต้รหัสหลักทรัพย์ “1299” สำหรับ American Depositary Receipts (ระดับ 1) มีการซื้อขายหลักทรัพย์นอกตลาดหลักทรัพย์ (Over-the-Counter) ภายใต้สัญลักษณ์ AAGIY